แม้ไม่ได้สนใจ หรือไม่ได้อยู่ในแวดวงศิลปะ ก็คงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นผลงานต่าง ๆ ของ ‘Vincent Van Gogh’ (วินเซนต์ แวน โก๊ะ) จิตรกรเอกชาวดัชต์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ผู้สร้างผลงานศิลปะมากมายกว่า 2,100 ชิ้น ภายในเวลาเพียง 10 ปี ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ในยุค Post-Impressionism
ผลงานของ Van Gogh นั้นจะโดดเด่น งดงาม เต็มไปด้วยความรู้สึก และมีเอกลักษณ์ของงานศิลปะโดยการลงสีที่บ่งบอกถึงอารมณ์ ความรู้สึกที่อัดอั้นดำดิ่งอยู่ภายในจิตใจอย่างลึกซึ้ง สะท้อนความยากลำบากของชีวิตที่เขาต้องต่อสู้และเผชิญอย่างเข้มข้นจวบจนวาระสุดท้าย
โดยเฉพาะผลงานที่โด่งดังและเป็นที่รู้จัก อย่างภาพวาดสีน้ำมัน The Starry Night หรือภาพราตรีประดับดาว ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของ Van Gogh เมื่อปี ค.ศ. 1889 ในขณะที่เขากำลังพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในเมือง Saint-Rémy และได้มองออกไปเห็นบรรยากาศนอกหน้าต่างและเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้ฉันปรารถนาจะวาดภาพท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว เพราะสำหรับฉัน ท้องฟ้ายามค่ำคืนนั้นมีสีสันล้ำลึกมากกว่ากลางวัน และเต็มไปด้วยเฉดสีม่วง น้ำเงิน เขียว ที่เข้มข้นซับซ้อน” (“At present I absolutely want to paint a starry sky. It often seems to me that night is still more richly colored than the day; having hues of the most intense violets, blues and greens.”)
แม้ภาพวาด The Starry Night จะไม่สามารถประเมินราคาจริงได้ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ (MoMA, NYC, U.S.A.) ที่เป็นเจ้าของปัจจุบันไม่ต้องการประกาศขาย แต่ภาพวาดของ Van Gogh ส่วนใหญ่จะถูกตั้งราคาตั้งแต่ USD 80 ล้าน ขึ้นไป และคาดกันว่าภาพ The starry Night นี้น่าจะมีราคาอยู่ที่ USD 100-200 ล้าน หรือ ประมาณ 3 พันล้านบาท เป็นอย่างต่ำ
อย่างไรก็ตาม ผลงาน Van Gogh ก็ยังได้รับการยกย่อง และกล่าวถึงอยู่เสมอในหมู่ผู้เสพศิลปะ ในฐานะสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ การสร้างสรรค์ผลงานด้วยความคิดนอกกรอบอย่างเสรี อันเป็นหลักการที่ขับเคลื่อนสังคมโลกให้เปิดกว้างต่ออิสระทางความคิด และความเท่าเทียมกันของมนุษย์